EXIM BANK แถลงผลการดำเนินงานเดือนมกราคม-กันยายน 2567 ปลดล็อกศักยภาพผู้ประกอบการไทยสู่เวทีโลก สร้างโลกเติบโตยั่งยืน
EXIM BANK แถลงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2567 เดินหน้าส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance: ESG) มีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันในการสนับสนุนธุรกิจที่คำนึงถึง ESG62,543 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 36.65%จากสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันทั้งหมด170,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 3,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่34,290 ล้านบาท
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ปี 2567EXIM BANK มุ่งสนับสนุนการส่งออก-นำเข้า และการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ยกระดับและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืนโดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2567 EXIM BANK มีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่34,290 ล้านบาท และมีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพัน 170,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 3,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในจำนวนนี้เป็นสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันเพื่อการลงทุน 124,720 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 73.09% ของยอดทั้งหมดโดยเป็นสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันในโครงการระหว่างประเทศ 44,850 ล้านบาท เมื่อจำแนกเป็นรายตลาดที่สำคัญ EXIM BANK สนับสนุนธุรกิจไทยให้ขยายไปกลุ่มประเทศ CLMV และ New Frontiers ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่องโดยมีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันในกลุ่ม CLMV และ New Frontiers 39,593 ล้านบาท
EXIM BANK ภายใต้บทบาท Green Development Bank ได้พัฒนานวัตกรรมทางการเงินสีเขียว (Greenovation)อาทิ สินเชื่อ EXIM Green Start สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อสร้างระบบนิเวศการค้าและการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศสนับสนุนให้ธุรกิจไทยสามารถปรับตัวรับมือและปฏิบัติตามมาตรการทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างครบวงจรตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)ส่งผลให้EXIM BANK มีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันเพื่อความยั่งยืน (ESG)62,543 ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน 36.65%ของยอดทั้งหมด
ในมิติสังคม EXIM BANK มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง อาทิ มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ SMEs ที่ประสงค์ปรับปรุงโครงสร้างหนี้เชิงป้องกัน (มาตรการ Pre-emptive) เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากธนาคารอย่างตรงจุดและทันท่วงที สินเชื่อ EXIM Happy Export Creditเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจส่งออกและที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนภาคการส่งออกที่เป็นเสมือนเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งและทั่วถึง และบริการสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าในอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษ(Happy Foreign Exchange Forward Contract) เพื่อเสริมสภาพคล่องและบริหารความเสี่ยงให้แก่ผู้ทำธุรกิจระหว่างประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน รวมถึงมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยมีระยะเวลาอนุมัติถึงเดือนธันวาคม 2567
ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและสถานการณ์ความไม่มั่นคงในภูมิภาคต่าง ๆEXIM BANK เร่งเสริมสร้างความมั่นใจและภูมิคุ้มกันความเสี่ยงแก่ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยผ่านบริการประกันการส่งออกและการลงทุน โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2567EXIM BANK มีปริมาณธุรกิจสะสมบริการประกัน เท่ากับ 161,285 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
การขยายบทบาทมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการไทยทั้งด้านสินเชื่อและประกันของ EXIM BANK เพื่อเป็นเสาหลักสนับสนุนธุรกิจทุกขนาด ทุกอุตสาหกรรม ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2567 EXIM BANK มีจำนวนลูกค้า 5,634 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการ SMEs กว่า 80%นอกจากนี้ EXIM BANK สนับสนุนผู้ประกอบการอย่างครบวงจร ผ่านการบ่มเพาะ ให้ความรู้ จับคู่ธุรกิจ และให้คำปรึกษาทางการเงิน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2567 EXIM BANK ได้ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการสะสมกว่า 21,500 รายสะท้อนถึงการอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการไทยที่เป็นคนตัวเล็กและกลุ่มเปราะบางให้เติบโตและแข่งขันได้ในเวทีโลก รวมทั้งสามารถปรับตัวรับมือกับมาตรฐานการค้าโลกและกฏระเบียบต่าง ๆ ที่เข้มงวดขึ้นได้
มิติการกำกับดูแลกิจการที่ดีEXIM BANK ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทางการเงินเพื่อความยั่งยืนณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 EXIM BANK มีกำไรก่อนสำรอง2,426 ล้านบาทมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวน 8,603 ล้านบาทและมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) จำนวน 17,708 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) 205.83% เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจสูงขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่กระทบการค้าการลงทุน
“EXIM BANK เดินหน้าบทบาท Green Development Bankสนับสนุนผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง โดยสานพลังกับเครือข่ายพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมสนับสนุนกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพลิกโฉมประเทศไทยสู่เศรษฐกิจที่คำนึงถึง ESG ตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของภาครัฐและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม” ดร.รักษ์ กล่าว