อินโดรามา เวนเจอร์ส รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 ที่คงเสถียรภาพ ด้วยแรงหนุนจากปริมาณขายที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และความก้าวหน้าในการดำเนินกลยุทธ์ IVL 2.0
สรุปผลการดำเนินงานไตรมาส 2
ปี 2567
-
ปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 3
เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1
เมื่อเทียบปีต่อปี เท่ากับ 3.64 ล้านตัน
-
Adjusted
EBITDA เท่ากับ 370 ล้านเหรียญสหรัฐ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และลดลงร้อยละ 11 เมื่อเทียบปีต่อปี
-
กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเท่ากับ 494
ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 168
เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และร้อยละ -1 เมื่อเทียบปีต่อปี
-
สัดส่วนหนี้สินจากการดำเนินงานสุทธิต่อ Adjusted EBITDA เท่ากับ 3.97 เท่า
-
กำไรต่อหุ้นเท่ากับ -4.13 บาท และ กำไรหลักต่อหุ้น (ปรับปรุง) เท่ากับ 0.18
กรุงเทพฯ
ประเทศไทย – 9 สิงหาคม 2567 – บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน รายงานผลการดำเนินงานรายไตรมาสที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณขายที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
และจากการที่ฝ่ายบริหารดำเนินการตามกลยุทธ์ IVL 2.0 ของบริษัทฯ
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงงาน ลดต้นทุน
และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
อินโดรามา
เวนเจอร์ส มี Adjusted
EBITDA[1] เท่ากับ 370 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส
และลดลงร้อยละ 11 เมื่อเทียบปีต่อปี ปริมาณขายของบริษัทฯ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ซบเซา
แต่ยังมีสัญญาณสิ้นสุดของช่วงเวลาการระบายสต็อกที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 อัตราการผลิตในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ
74 เป็นร้อยละ 76 หรือร้อยละ 81
หากนำผลของการปรับปรุงสินทรัพย์มาพิจารณาร่วมด้วย
แม้ว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตก็ตาม
ซึ่งตอกย้ำให้เห็นถึงสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา
กลุ่มธุรกิจ Indovinya มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากส่วนต่างกำไรที่ปรับเพิ่มขึ้นและอุปสงค์ที่ฟื้นตัวขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่มีมูลค่าเพิ่มสูง
ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์ซึ่งเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Indovida ก็มีผลการดำเนินงานที่ดีเช่นกัน
เนื่องจากมีฐานการผลิตชั้นนำในตลาดเกิดใหม่
เมื่อมองไปข้างหน้า
อินโดรามา เวนเจอร์ส มีแรงหนุนจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ค่อยๆ
ปรับตัวดีขึ้นจากระดับสินค้าคงคลังของลูกค้าที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นให้ปริมาณขายของทุกกลุ่มธุรกิจเติบโตขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
บริษัทฯ
คาดว่าจะได้รับประโยชน์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
จากข้อได้เปรียบของ Shale Gas ในประเทศสหรัฐอเมริกา
เห็นได้จากส่วนต่างกำไรสำหรับโรงกลั่นเอทิลีน (ethylene) ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจ
MEG แบบบูรณาการของบริษัท นอกจากนี้
ราคาสินค้านำเข้าที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องในตลาดตะวันตก
ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ ในฐานะผู้ประกอบการชั้นนำในภูมิภาค
ขณะที่อุตสาหกรรมโพลีเอสเตอร์กำลังเผชิญกับภาวะขาลง
ทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ของอินโดรามา เวนเจอร์ส กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อลดภาระหนี้และเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจภายใต้กลยุทธ์
IVL
2.0 ของบริษัทฯ
เพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและขับเคลื่อนคุณภาพของรายได้ในยุคที่อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น
และภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ตามที่ได้ระบุไว้ในงาน Capital
Markets Day เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ของปีนี้
และยืนยันอีกครั้งในรายงานความคืบหน้าช่วงกลางปี เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม บริษัทฯ มีความคืบหน้าอย่างมากสำหรับการดำเนินกลยุทธ์ IVL
2.0 ในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 โดยได้บันทึกการด้อยค่าของสินทรัพย์และตั้งสำรองค่าใช้จ่ายจำนวน 666
ล้านเหรียญสหรัฐ (ซึ่งจำนวน 543 ล้านเหรียญสหรัฐไม่ใช่เงินสด)
ภายใต้โครงการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์เพื่อปรับปรุงการผลิตและลดค่าใช้จ่ายคงที่
ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2567 เป็นการประหยัดต้นทุนได้จำนวน 170 ล้านเหรียญสหรัฐในปี
2568 ทั้งนี้ บริษัทฯ
คาดว่าการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ที่เหลือจะไม่ก่อให้เกิดการด้อยค่าที่เป็นสาระสำคัญ
ฝ่ายบริหารยังคงมุ่งมั่นในการจัดการต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ
รวมถึงโครงการ Olympus
2.0 โดยความพยายามเหล่านี้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในครึ่งแรกของปี 2567 (29 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาส 2 ปี 2567) บริษัทฯ ยังคงเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง
โดยลงทุนในโครงการที่สนับสนุนด้านความยั่งยืน อาทิ โรงงานรีไซเคิลในอินเดีย ระบบทำงานอัตโนมัติ เทคโนโลยีดิจิทัล
รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่กำลังดำเนินการ
ส่วนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงของอินโดรามา
เวนเจอร์ส คือการนำเครื่องมือดิจิทัลและ AI ใหม่ๆ
มาใช้เพื่อขับเคลื่อนความเป็นเลิศในการดำเนินงานในด้านหลักๆ ซึ่งรวมถึงการผลิต
การพาณิชย์ การจัดซื้อ การขาย การจัดการห่วงโซ่อุปทาน และการเงิน ปัจจุบัน
ส่วนสำคัญๆ ในการดำเนินงานมีแพลตฟอร์มบริหารทรัพยากรทั่วทั้งองค์กร SAP
S/4HANA เป็นแกนกลางทางดิจิทัล
ขณะเดียวกันจะมีการนำตัวโซลูชั่นชั้นนำระดับโลกอื่นๆ
มาปรับใช้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนไปจนถึงปี 2569
นายอาลก โลเฮีย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฯ อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกอย่างระมัดระวังจากการที่เราเห็นการปรับตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในสภาพแวดล้อมการดำเนินงานของอุตสาหกรรมของเราแม้ว่าจะยังคงมีความท้าทายที่สำคัญที่ยังคงดำเนินไปตลอดวัฏจักร
ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา เราได้สร้างเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในองค์กรของเรา
รวมถึงการเสริมสร้างทีมผู้นำของเราและมอบอำนาจให้พวกเขาในการขับเคลื่อนโครงการสำคัญต่างๆ
ภายใต้กลยุทธ์ IVL 2.0 ของเรา
ซึ่งมีเป้าหมายที่ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน และไม่เพียงแต่ช่วยให้เราจัดการกับภาวะชะลอตัวในปัจจุบันเท่านั้น
แต่ยังช่วยเตรียมอินโดรามา เวนเจอร์ส ให้พร้อมสำหรับยุคใหม่ของการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวอีกด้วย”
ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจ Combined PET (CPET) ซึ่งรวมถึงเคมีภัณฑ์กลางน้ำ
มี Adjusted EBITDA เท่ากับ 234 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ลดลงร้อยละ 6 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส
และลดลงร้อยละ 25 เมื่อเทียบปีต่อปี
เนื่องมาผลกระทบที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากโครงการ NDC ในไตรมาสที่
1 ปี 2567
และการลดลงของสเปรดอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ Integrated PET นอกจากนี้ การหยุดดำเนินการของโรงกลั่นที่ Lake
Charles ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังส่งผลกระทบต่อ EBITDA ประมาณ 17-18 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะค่อยๆ
กลับมาดำเนินงานได้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567
กลุ่มธุรกิจ Indovinya มี Adjusted
EBITDA ที่แข็งแกร่งเท่ากับ 98
ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 41
เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้นร้อยละ 85 เมื่อเทียบปีต่อปี
สาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นหลังจากการระบายสต็อกที่ผ่อนคลายลง
โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ของสารลดแรงตึงผิวเคมีภัณฑ์ปลายน้ำท่ามกลางฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา
สำหรับกลุ่มธุรกิจ
Fibers รายงาน Adjusted EBITDA เท่ากับ 39 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้นร้อยละ 19
เมื่อเทียบปีต่อปี ด้วยกลยุทธ์การขายที่พัฒนาขึ้น
และการมุ่งบริหารจัดการต้นทุนอย่างรอบด้าน แม้ว่าปริมาณการขายจะลดลง
โดยเฉพาะในธุรกิจไลฟ์สไตล์
[1] ข้อมูลทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วหมายถึงรายการก่อนกาไร/(ขาดทุน)ของสินค้าคงคลังและรายการพิเศษ
รายละเอียดระบุในคำอธิบายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ (MD&A)