“หมูเถื่อน” บิดเบือนกลไกตลาด บั่นทอนความมั่นใจเกษตรกร

ผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศ ชี้ “หมูเถื่อน” ทำราคาหมูในประเทศอ่อนลง ประกอบกับกำลังซื้อชะลอตัวจากผู้บริโภครอจับจ่ายช่วงปีใหม่ ขณะที่ผลผลิตในแต่ละภูมิภาคยังน้อยกว่าความต้องการ

               นายนิพัฒน์ เนื้อนิ่ม อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า ปริมาณผลผลิตสุกรในภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก ยังไม่เพียงพอกับการบริโภคในพื้นที่  โดยเฉพาะภาคเหนือยังต้องพึ่งพาสุกรจากพื้นที่อื่น แต่ราคากลับลดลง ขณะที่เกษตรกรยังทยอยนำหมูเข้าเลี้ยงต่อเนื่องเพื่อเพิ่มผลผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ คาดว่าในปี 2566 ผลผลิตจะดีขึ้น

                ราคาสุกรมีชีวิตช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนตัวลง เกิดจากสังคมได้รับข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง มีการนำข้อมูลเก่าไปสื่อสารซ้ำ ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าไทยมีผลผลิตส่วนเกิน ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมและกดดันราคารับซื้อ ทั้งที่ในความเป็นจริงผลผลิตทั้งประเทศยังน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการ” นายนิพัฒน์ กล่าว

นายนิพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ราคาสุกรที่อ่อนลงในขณะนี้ เกิดจากกำลังซื้อลดลงเนื่องจากผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายเพื่อรอการเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลปีใหม่ ราคาจึงปรับลดตามกลไกตลาด ซึ่งผู้เลี้ยงสุกรประเมินว่าผลผลิตขณะนี้ ยังคงน้อยกว่าความต้องการ แต่มั่นใจว่าปีหน้าผลผลิตจะมีเพียงพอต่อการบริโภคและอาจมีผลผลิตส่วนเกินบ้างบางช่วง จากการส่งเสริมให้ผู้เลี้ยงกลับมาเลี้ยงใหม่เพิ่มขึ้น

                นอกจากนี้ “หมูเถื่อน” ยังเป็นปัจจัยลบต่อปริมาณการเข้าสู่ตลาดของหมูรุ่นใหม่ จึงเรียกร้องให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งปราบปรามอย่างจริงจัง หยุดการลักลอบนำเข้าให้ได้ สร้างความมั่นใจของผู้เลี้ยงและเสถียรภาพราคาในประเทศให้เป็นไปตามกลไกตลาด เพราะหมูเถื่อนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาในประเทศบิดเบือน จากต้นทุนต่ำกว่ามาก และอาจเป็นเนื้อหมูที่เชื้อโรคปนเปื้อนเพราะไม่ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานจากกรมปศุสัตว์ อาจเป็นหมูติดโรค ASF ซึ่งมีโอกาสเป็นพาหะนำโรคกลับเข้ามาระบาดในประเทศซ้ำได้

นายนิพัฒน์ กล่าวว่า ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 12.75 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นต้นทุนของภาคปศุสัตว์และภาคอาหารสัตว์ ซึ่งจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจและมีผลโดยตรงกับราคาเนื้อสัตว์ที่ผู้บริโภคเป็นปลายทางที่ต้องจ่าย

อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ขอความร่วมมือสมาชิกและผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ ให้ความเข้มงวดกับระบบความปลอดภัยทางชีวภาพหลังมีข่าวการระบาดของโรค ASF ในสุกร ทางตอนเหนือของประเทศ  โดยปัจจุบันราคาซื้อขายสุกรขุนหน้าฟาร์มเริ่มย่อตัวต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ที่ประเมินโดย คณะอนุกรรมการต้นทุนการผลิต อยู่ที่ 101.01 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์หลายตัว เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยังคงมีราคาสูงต่อเนื่อง โดยในส่วนของผลผลิตสุกรปีหน้า คาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น จากการเข้าเลี้ยงใหม่ของผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย ซึ่งสมาคมฯ จะกำกับดูแลผลผลิตอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้านราคาในทุกระดับ./

 

Visitors: 8,107,247