ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เผยมาตรฐาน “Green Living Standard” ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนกลับคืนสู่โลก หนึ่งพันห้าร้อยล้านลิตรตลอด 3 ปี ลดผลกระทบ PM2.5 และประหยัดค่าไฟ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งกว่าให้แก่ลูกบ้าน
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ปลื้มผลลัพธ์การดำเนินงานมาตรฐาน Green Living Standard ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา หลังสรุปผลการดำเนินงานพบว่า สามารถเพิ่มปริมาณออกซิเจนกลับคืนสู่โลกได้มากถึง หนึ่งพันห้าร้อยล้านลิตร จากการสร้างพื้นที่สีเขียวรวม 50.79 ไร่ใน 30 โครงการบ้านแบรนด์ต่างๆ ของบริษัทฯ
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี’ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีตั้งแต่ พ.ศ. 2564- พ.ศ. 2566 เป็นต้นมา ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ได้ดำเนินการปลูกไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ อาทิ ต้นแคนา, ต้นตีนเป็ด, ต้นหว้า, ต้นสะเดา ฯลฯ รวม 3,503.30 ต้น ในพื้นที่ 30 โครงการ พร้อมทั้งเพิ่มพื้นที่สีเขียวของสวนหย่อมในบริเวณสวนส่วนกลางของแต่ละโครงการในสไตล์โพรวองซ์ (Provence France) ที่คัดสรรพันธุ์ไม้พุ่ม ไม้ดอกที่งดงาม มาร่วมเพิ่มพื้นที่สีเขียวในทุกโครงการ เพื่อเพิ่มความร่มรื่น มอบอากาศที่บริสุทธิ์ให้แก่ลูกบ้าน จากการดำเนินงานตามมาตรฐาน Green Living Standard อย่างมุ่งมั่น ส่งผลให้ปัจจุบัน บริษัทฯ มีพื้นที่สีเขียวรวมทั้งสิ้น 81,271 ตารางเมตร หรือ 50.79 ไร่ นับเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ลูกบ้านให้มีทั้งสุขภาพกายและใจที่ดียิ่งขึ้น
“บริษัทฯ ได้พัฒนาแนวทางในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางของแต่ละโครงการ โดยได้เพิ่มพื้นที่เพื่อสร้างเป็น Green area ให้มากขึ้น เพราะตระหนักดีว่าพื้นที่สีเขียวเหล่านั้นจะคืนกลับและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ทุกชีวิตในโครงการอย่างสมดุล เราต้องการให้ทุกช่วงเวลาที่ลูกบ้านใช้ชีวิตอยู่ในโครงการเต็มไปด้วยความสุข ดังแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่ต้องการส่งมอบ ‘บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี’ ให้แก่ทุกคน แม้จะเป็น
การเพิ่มงบประมาณการลงทุน แต่เมื่อประเมินในด้านผลลัพธ์ที่ได้ บริษัทฯ มองว่ามีความคุ้มค่ามากกว่า เพราะจะทำให้ทั้งลูกบ้าน ชุมชน สังคม และองค์กรสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรมที่สุด นอกจากนี้ เรายังต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี การดำเนินงานมาตรฐาน Green Living Standard ก็ได้เข้ามาลดปัญหาฝุ่นพิษภายในโครงการได้ควบคู่ไปกับการเลือกสรรวัสดุก่อสร้างที่ลดปริมาณฝุ่นที่เราดำเนินการอยู่แล้วได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ การเพิ่มจำนวนต้นไม้ในโครงการให้มากขึ้น ก็ยังช่วยลดอุณหภูมิรอบพื้นที่ปลูกได้สูงถึง 2-4 องศาเซลเซียส จึงช่วยลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าจากเครื่องปรับอากาศได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งการดูแลต้นไม้ในโครงการนั้น ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ได้นำระบบ Water Reuse หรือระบบบำบัดน้ำเสีย ที่เป็นการหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ใหม่มาใช้ในพื้นที่ส่วนกลางทำให้ลดการใช้น้ำประปา(Water Saver)ไปได้ในตัว” นายชูรัชฏ์ กล่าว
ทั้งนี้ แนวนโยบาย Green Living Standard ของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ นั้น ถือเป็นโซลูชันใหม่ในการยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัย ด้วยแนวคิดการออกแบบที่เข้าใจถึงความต้องการอย่างแท้จริง ผสานความใส่ใจห่วงใยสิ่งแวดล้อมเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไป ให้เกิดความสมดุลทั้งต่อลูกค้า ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน