ธอส. คาดดัชนีความเชื่อมั่นภาคอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวเร็วขึ้น ปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ – กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ธนาคารอาคารสงเคราะห์
(ธอส.) เผยข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ รายงานการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ
– ปริมณฑล ไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 พบว่า ความเชื่อมั่น ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ระดับ
45.1 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดัชนีความเชื่อมั่นไตรมาสที่
2 ของปี 2567 ที่อยู่ระดับ 45.2 ผลจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามจากการสำรวจพบสัญญาณเชิงบวกจากดัชนีความเชื่อมั่น ด้านผลประกอบการ, ด้านการเปิดโครงการใหม่
และ/หรือ เฟสใหม่ ปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต และการเปิดลงทุนในกองทุนวายุภักษ์ รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และการจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำของ ธอส. ในช่วงท้ายปี
มั่นใจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าค่ากลางที่ระดับ
50.0 เร็วกว่า ที่คาดการณ์ ส่งสัญญาณผู้ประกอบการฯ
มีความเชื่อมั่นในมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงรายงานดัชนีความเชื่อมั่น ของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ
– ปริมณฑลในภาวะปัจจุบัน (Current Situation Index) ไตรมาส 3 ของปี 2567 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ – ปริมณฑลไตรมาส 3 ของปี 2567 มีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 45.1 ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส
2 ของปี 2567 ที่มีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 45.2 และลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ค่าดัชนีเท่ากับ
49.7 โดยต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50.0 ติดต่อกัน เป็นไตรมาสที่ 7 นับตั้งแต่ไตรมาส 1 ของปี 2566 โดยปัจจัยมาจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยในขณะนั้นที่อยู่ในระดับสูง
ส่งผลให้ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 40.7 จากระดับ 47.3 ในไตรมาสก่อนหน้า และความเชื่อมั่นด้านการลงทุนลดลงอยู่ที่ระดับ
47.4 จากระดับ 47.6
ในไตรมาสก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม
REIC พบสัญญาณเชิงบวกจากปัจจัยหลายด้าน
ทั้งการจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของภาครัฐ อาทิ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่เม็ดเงินลงสู่ระบบ ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น
และการเปิดลงทุนในกองทุนวายุภักษ์
ที่ทำให้การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์กลับมาคึกคักเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน
(กนง.) จาก 2.50% ต่อปี เหลือ 2.25% ต่อปี
และการที่ ธอส.จัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง
รวมถึงกลุ่มเปราะบาง ในช่วงท้ายปี ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกในหลายด้านมากขึ้น
สะท้อนได้จากดัชนีความเชื่อมั่นในหลายๆ
ด้านปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส ก่อนหน้า ประกอบด้วย ด้านผลประกอบการเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 42.0 จากระดับ 39.5, ด้านการเปิดโครงการใหม่ และ/หรือ
เฟสใหม่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 50.7 จากระดับ 49.1, ด้านต้นทุนการประกอบการ
(ผกผัน)
เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 40.4 จากระดับ 38.9 และด้านการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ
49.6 จากระดับ 48.7 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการกลุ่มรายกลาง-รายย่อย (Non-listed Companies) มีระดับ 41.0
เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่อยู่ระดับ 34.6 สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าวมีแนวโน้มคลายความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ธุรกิจในภาวะปัจจุบันมากขึ้น ดังนั้น จากสัญญาณดังกล่าวของ REIC ทำให้
ธอส. เชื่อมั่นว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าค่ากลาง 50.0 เร็วกว่าที่คาดการณ์ เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มีสัญญาณความเชื่อมั่นในมุมมองเชิงบวก ต่อสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น