การสั่งซื้อล่าสุดช่วยเพิ่มศักยภาพในการรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า ท่ามกลางการเติบโตของดูไบในฐานะศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับโลก
7พฤษจิกายน 2567 กรุงเทพฯ ประเทศไทย: สายการบินเอมิเรตส์ประกาศสั่งซื้อเครื่องบินขนส่งโบอิ้ง 777 เพิ่มอีก 5 ลำ โดยมีกำหนดเริ่มส่งมอบตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2026
รวมกับคำสั่งซื้อก่อนหน้านี้ ปัจจุบันเอมิเรตส์มีเครื่องบินขนส่งโบอิ้ง 777F รอการส่งมอบจากโบอิ้งรวม 14 ลำ ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงสิ้นปี 2026
นอกจากนี้ เอมิเรตส์ได้เซ็นสัญญาขยายเวลาการเช่าระยะยาวกับ ดูไบ แอร์โรสเปซ เอ็นเตอร์ไพรส์ (DAE) สำหรับเครื่องบินขนส่งโบอิ้ง 777 จำนวน 4 ลำในฝูงบินปัจจุบัน จากการลงทุนครั้งนี้ คาดว่าภายในเดือนธันวาคม ปี 2026 เอมิเรตส์ สกายคาร์โก จะมีฝูงบินขนส่งโบอิ้ง 777 รวม 21 ลำ ซึ่งเป็นการขยายฝูงบินจากปัจจุบันที่มีอยู่ 11 ลำ
เอมิเรตส์ยังคงเดินหน้าลงทุนในการปรับเปลี่ยนเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-300ER จำนวน 10 ลำ เป็นเครื่องบินขนส่งสินค้า เพื่อเสริมศักยภาพและขยายขีดความสามารถของฝูงบิน
ชีคอาเหม็ด บิน ซาอิด อาล มักตูม ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินและกลุ่มสายการบินเอมิเรตส์ กล่าวว่า “ทางเอมิเรตส์กำลังขยายฝูงบินขนส่งสินค้า เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยมุ่งเน้นที่จะมอบความยืดหยุ่น การเชื่อมต่อ และตัวเลือกที่มากขึ้นให้กับลูกค้าทั่วโลก เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ในตลาด”
“ความต้องการบริการขนส่งทางอากาศของเอมิเรตส์เติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงบทบาทที่โดดเด่นของดูไบในฐานะศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับโลกที่ลูกค้าไว้วางใจ นอกจากนี้ยังสะท้อนความสำเร็จของ เอมิเรตส์ สกายคาร์โก ในการนำเสนอโซลูชันเฉพาะทางที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ส่งสินค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม”
“เอมิเรตส์ยังคงเป็นผู้นำในการกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมการบิน และเรารู้สึกขอบคุณในความไว้วางใจที่เอมิเรตส์มีต่อเครื่องบินตระกูลลำตัวกว้างของโบอิ้ง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของฝูงบินระดับโลกของพวกเขา เราภูมิใจที่ได้สนับสนุนการเติบโตของ เอมิเรตส์ สกายคาร์โก โดยใช้ประสิทธิภาพและความสามารถของเครื่องบินขนส่งโบอิ้ง 777 เพื่อเชื่อมต่อโลกให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น” สเตฟานี โป๊ป ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทโบอิ้ง คอมเมอร์เชียล แอร์เพลนส์ กล่าวเสริม
ในขณะที่มีการเพิ่มเครื่องบินขนส่งสินค้าใหม่เข้าฝูงบิน ฝ่ายขนส่งสินค้าของเอมิเรตส์ยังคงใช้ประโยชน์จากฝูงบินโดยสารแบบลำตัวกว้างทั้งหมด เพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้าที่รวดเร็ว เชื่อถือได้ และมีประสิทธิภาพทั่วโลก พร้อมมอบความยืดหยุ่นมากขึ้นให้แก่ลูกค้า โดยฝูงบินของเอมิเรตส์ประกอบด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 777 โบอิ้ง 777-F โบอิ้ง 747F แอร์บัส A350 และ แอร์บัส A380
รัฐบาลดูไบมีแผนที่จะขยายท่าอากาศยานนานาชาติอัล มักตุม (DWC) ให้กลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้านศักยภาพรองรับ โดยท่าอากาศยานนานาชาติอัล มักตุมจะสามารถรองรับสินค้าสูงสุดได้ถึง 12 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตของเขตโลจิสติกส์ใกล้เคียงที่กำลังถูกพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางระดับนานาชาติสำหรับบริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ระดับโลก โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทของดูไบที่มุ่งสร้างศูนย์กลางการขนส่งแบบครบวงจร เชื่อมโยงทั้งทางอากาศ ทางทะเล และทางบก
เอมิเรตส์เตรียมตัดสินใจเกี่ยวกับฝูงบินขนส่งสินค้าในอนาคตภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์การเติบโตในยุคถัดไป โดยมีเครื่องบินโบอิ้ง777-8F และ แอร์บัส A350-1000F เป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับการให้บริการในปี 2028 ถึง 2029 และต่อเนื่องในอนาคต