“กกพ.” เปิดรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้างวด ม.ค. - เม.ย. 68
“กกพ.” เสนอ 3 ทางเลือกค่าไฟงวด ม.ค. - เม.ย. 2568 ที่ 4.18 – 5.49
บาทต่อหน่วย มองแนวโน้มต้นทุนค่าไฟลดลง (จากเงินบาทที่แข็งค่า)
ชี้เป็นจังหวะดีเร่งใช้คืนหนี้ค่าเชื้อเพลิงคงค้างที่ยังสูงกว่า 100,000 ล้านบาท เพื่อรักษาความมั่นคงให้ระบบ
ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์
เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า
จากการประชุม กกพ. ครั้งที่ 49/2567เมื่อวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา กกพ. มีมติให้สำนักงาน กกพ. ดำเนินการเปิดรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปร
(ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในงวดเดือน ม.ค. - เม.ย.
2568 แบ่งเป็น 3 กรณี
ตามเงื่อนไข ดังนี้
กรณีที่ 1: ผลการคำนวณตามสูตรการปรับค่า Ft (จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้าง กฟผ. ทั้งหมด)
รวมค่าส่วนต่างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับภาคไฟฟ้าปี 2566 หรือ AFGAS ค่า Ft ขายปลีกเท่ากับ 170.71
สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะเป็นการเรียกเก็บตามผลการคำนวณตามสูตรการปรับค่า
Ft ที่สะท้อนแนวโน้มต้นทุนเดือนมกราคม
– เมษายน 2568 จำนวน 16.52 สตางค์ต่อหน่วย และเงินเรียกเก็บเพื่อชดเชยต้นทุนคงค้าง
(AF) ที่เกิดขึ้นจริงของ กฟผ. จำนวน 85,236 ล้านบาท (หรือคิดเป็น
131.01 สตางค์ต่อหน่วย) และมูลค่า AFGAS ของรัฐวิสาหกิจที่ประกอบกิจการก๊าซธรรมชาติ
(กฟผ. และ ปตท.) เดือนกันยายน – ธันวาคม 2566 จำนวน
15,083.79 ล้านบาท (หรือคิดเป็น 23.18 สตางค์ต่อหน่วย) รวมทั้งสิ้นจำนวน 154.19 สตางค์ต่อหน่วยโดย กฟผ. จะได้รับเงินที่รับภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าแทนประชาชนตั้งแต่เดือนกันยายน
2564 - สิงหาคม 2567 ในช่วงสภาวะวิกฤตของราคาพลังงานที่ผ่านมา
คืนทั้งหมดภายในเดือนเมษายน 2568
เพื่อนำไปชำระหนี้เงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องให้มีสถานะทางการเงินคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
และรัฐวิสาหกิจที่ประกอบกิจการก๊าซธรรมชาติ
จะได้รับเงินคืนส่วนต่างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับภาคไฟฟ้าคืนทั้งหมด ซึ่งเมื่อรวมค่า Ft ขายปลีกที่คำนวณได้กับค่าไฟฟ้าฐานที่
3.78 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 5.49 บาทต่อหน่วย
โดยค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 31 จากระดับ 4.18 บาทต่อหน่วย ในงวดปัจจุบัน
กรณีที่ 2:
ผลการคำนวณตามสูตรการปรับค่า
Ft (จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้าง กฟผ. ทั้งหมด)
ค่า Ft ขายปลีกเท่ากับ
147.53 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะเป็นการเรียกเก็บตามผลการคำนวณตามสูตรการปรับค่า
Ft ที่สะท้อนแนวโน้มต้นทุนเดือนมกราคม
– เมษายน 2568 จำนวน 16.52 สตางค์ต่อหน่วย และเงินเรียกเก็บเพื่อชดเชยต้นทุนคงค้าง
(AF) ที่เกิดขึ้นจริงของ กฟผ. จำนวน 85,236 ล้านบาท (หรือคิดเป็น 131.01 สตางค์ต่อหน่วย) โดย กฟผ.
จะได้รับเงินที่รับภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าแทนประชาชน
ในช่วงสภาวะวิกฤตของราคาพลังงานที่ผ่านมา คืนทั้งหมดภายในเดือนเมษายน 2568
เพื่อนำไปชำระหนี้เงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องให้มีสถานะทางการเงินคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
ซึ่งเมื่อรวมค่า Ft ขายปลีกที่คำนวณได้กับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 5.26 บาทต่อหน่วย
โดยค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 จากระดับ 4.18 บาทต่อหน่วย
ในงวดปัจจุบัน ซึ่งจะยังมีภาระ AFGAS ที่รัฐวิสาหกิจที่ประกอบกิจการก๊าซธรรมชาติรับภาระไว้จำนวน 15,083.79
ล้านบาท
กรณีที่ 3:
กรณีตรึงค่า Ft เท่ากับงวดปัจจุบัน (ข้อเสนอ กฟผ.) ค่า Ft ขายปลีก
เท่ากับ 39.72 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะสะท้อนแนวโน้มต้นทุนเดือนมกราคม – เมษายน 2568 จำนวน
16.52 สตางค์ต่อหน่วย และทยอยชำระคืนภาระต้นทุน AF
คงค้างสะสมได้จำนวน 15,094 ล้านบาท
(หรือคิดเป็น 23.20 สตางค์ต่อหน่วย) โดยคาดว่า
ณ สิ้นเดือนเมษายน 2568 จะมีภาระต้นทุนคงค้างที่ กฟผ. และรัฐวิสาหกิจ ที่ประกอบกิจการก๊าซธรรมชาติ (กฟผ. และ ปตท.) รับภาระแทนประชาชนคงเหลืออยู่ที่ 85,226 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมค่า Ft ขายปลีกกับค่าไฟฟ้าฐานที่
3.78 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) คงที่เท่ากับ 4.18
บาทต่อหน่วย เช่นเดียวกับปัจจุบัน
“จากแนวโน้มค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นจากงวดก่อนหน้า
3.27 บาทต่อเหรียญสหรัฐ (งวด ก.ย. - ธ.ค. 2567) เป็น 33.36 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
การผลิตไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศซึ่งมีต้นทุนราคาถูกมีความพร้อมในการผลิตเพิ่มขึ้น และสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติเหลวแบบสัญญาจร
(LNG Spot) ในตลาดโลกปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากงวดก่อนหน้า
0.2 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู และปริมาณก๊าซธรรมชาติในแหล่งอ่าวไทยซึ่งมีต้นทุนราคาถูกมีปริมาณเพิ่มขึ้น
ทำให้แนวโน้มต้นทุนจากปัจจัยนอกเหนือการควบคุมดีขึ้น ส่งผลต่อแรงกดดันต่อการเพิ่มค่าไฟลดลง
แต่ปัจจัยที่ยังไม่สามารถทำให้ ค่าไฟลดลงได้ยังคงมาจากภาระหนี้ค่าเชื้อเพลิงสะสมในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าจะลดลงจากงวดก่อนหน้าบ้าง
แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูงและต้องได้รับการดูแลเพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศด้วย”
ดร.พูลพัฒน์ กล่าว
ดร.พูลพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
จากสาเหตุหลักซึ่งเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมส่งผลให้ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าปรับตัวลดลง
แต่เมื่อรวมกับการทยอยคืนหนี้ค่าเชื้อเพลิงค้างชำระในงวดก่อนหน้าที่ยังคงสูงอยู่ ส่งผลให้ค่าไฟในช่วงต้นปี 2568 นี้ อาจจะต้องปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร
(ค่าเอฟที) ขึ้นสู่ระดับ 147.53 - 170.71 สตางค์ต่อหน่วย เพื่อคืนหนี้คงค้างให้กับ กฟผ. และ
ปตท. ซึ่งทำให้เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐาน ที่ 3.7833 บาทต่อหน่วย
ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บในงวด ม.ค. - เม.ย. 2568 เพิ่มขึ้นเป็น 5.26 - 5.49 บาทต่อหน่วย
หรือหากตรึงค่าเอฟทีไว้ที่ 39.72 สตางค์ต่อหน่วย โดยทยอยคืนหนี้คงค้างควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อการปรับค่าไฟฟ้าอย่างก้าวกระโดดเพื่อลดภาระของประชาชน ค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่
4.18 บาทต่อหน่วย เท่ากับปัจจุบัน
รายละเอียดการเปรียบเทียบสมมติฐานที่ใช้คำนวณค่า Ft กับงวดก่อนหน้า
สมมุติฐาน |
หน่วย |
พ.ค. - ส.ค.
58 (ค่าไฟฟ้าฐาน) [1] |
ก.ย. - ธ.ค.
67 (ประมาณการ) [2] |
ม.ค. - เม.ย.
68 (ประมาณการ) [3] |
เปลี่ยนแปลง [3]-[2] |
- ราคา Pool Gas |
บาท/ล้านบีทียู |
264 |
323 |
301 |
-22 (-7%) |
อ้างอิงน้ำมันดิบดูไบ |
USD/บาเรล |
|
84.0 USD/บาเรล |
73.5 USD/บาเรล |
-10.50 USD/บาเรล |
- ราคาน้ำมันเตา |
บาท/ลิตร |
15.20 |
23.80 |
24.15 |
+0.35 (+1%) |
- ราคาน้ำมันดีเซล |
บาท/ลิตร |
25.86 |
27.35 |
27.98 |
+0.62 (+2%) |
- ราคาลิกไนต์ (กฟผ.) |
บาท/ตัน |
569.70 |
820.00 |
820.00 |
0 (0%) |
- ราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ย (IPPs) |
บาท/ตัน |
2,825.70 |
4,418.43 |
3,830.60 |
-588 (-13%) |
สัดส่วนก๊าซธรรมชาติใน Pool Gas - อ่าวไทย - เมียนมา - LNG |
พันล้านบีทียู/วัน |
3,682 2,514 854 |
3,945 2,184 468 1,293 |
4,371 2,232 459 1,680 |
+426 (+10%) +48 (+2%) -9 (-2%) +387 (+30%) |
วิธีการคิด Pool Gas ที่ใช้ผลิตไฟฟ้า |
Gulf/Pool Gas |
Two Pools |
Single Pool* |
Single Pool* |
- |
การใช้น้ำมันในการผลิตไฟฟ้า |
ล้านลิตร/เดือน |
ไม่อยู่ในแผน |
ตามความจำเป็น |
ตามความจำเป็น |
- |
ราคา Spot LNG |
USD/ล้านบีทียู |
- |
13.58 |
13.40 |
-0.18 (-1%) |
อัตราแลกเปลี่ยน |
บาท/USD |
33.05 |
36.63 |
33.36 |
-3.27 (-9%) |
หมายเหตุ: * ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566
สำนักงาน กกพ.
ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าได้ง่ายๆ 5 ป.
ได้แก่ ปลด หรือถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าลดการใช้ไฟฟ้าเมื่อใช้งานเสร็จ ปิด
หรือดับไฟเมื่อเลิกใช้งานปรับ อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้อยู่ที่ 26 องศา เปลี่ยน
มาใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 ปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิภายในบ้าน ซึ่งทั้ง 5 ป.
จะช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าเองด้วย
ทั้งนี้ กกพ.
เปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 8 - 22
พฤศจิกายน 2567 ก่อนที่จะมีการสรุปและประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป