Bitget มองเทรนด์ Bitcoin อาจผันผวนระยะสั้นจากปัจจัยเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ระยะกลาง - ยาว ยังได้แรงหนุนจากสถาบันลุ้นกลับไปแตะระดับ 100,000 ดอลลาร์
นายไรอัน ลี ( Ryan Lee )หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ บิตเก็ต (Bitget) แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีและบริษัท Web3 ชั้นนำของโลก กล่าวว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin ในช่วงนี้คือนโยบายด้านดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยตัวแปรสำคัญที่มีผลค่อนข้างมากคือตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ หากอัตราเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ อาจลดโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยและส่งผลเชิงลบต่อตลาดคริปโทโดยเฉพาะ Bitcoin ที่อาจเผชิญกับแรงขายในระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
อย่างไรก็ตามหากอัตราเงินเฟ้อออกมาต่ำ อาจสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและถ้าเงินเฟ้อสูงขึ้นในอัตราที่ไม่รุนแรง นักลงทุนบางส่วนอาจแบ่งเงินมาซื้อ Bitcoin เพื่อป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ ส่งผลให้ราคาของ Bitcoin และ Altcoins อาจปรับตัวขึ้น
ล่าสุดการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมกราคมออกมาสูงกว่าที่คาดเล็กน้อยโดยออกมาที่ 3.0% ขณะที่ตลาดมองว่าจะออกมา 2.9% แต่ราคา Bitcoin ได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากตลาดยังได้แรงหนุนจากกระแสเงินทุนจากนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะจากกองทุน Spot Bitcoin ETF ซึ่งจะสามารถผลักดันราคา Bitcoin ได้หลังจากนี้
สัญญาณทางเทคนิคบ่งชี้ว่า Bitcoin อาจมีการทดสอบแนวรับสำคัญที่ 91,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะกลับตัวขึ้นในระยะยาว ระยะสั้นอาจมีแนวโน้มขาลงจากแรงขายทำกำไร แต่หากสามารถทรงตัวเหนือระดับแนวรับ 94,000 และ 91,000 ดอลลาร์ ได้ ยังมองโอกาสที่จะกลับไปยืนเหนือระดับ 110,000 ดอลลาร์ นายไรอัน ลี กล่าว
ขณะที่ Ethereum ซึ่งมีมาร์เกตแคปอันดับที่สอง แนวโน้มราคามีความผันผวนสูงโดยอาจลงไปทดสอบแนวรับ 2,300 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม Ethereum ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาคือการอัปเกรดครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมเวอร์ชั่น Pectra อาจช่วยสร้างเสถียรภาพและกระตุ้นการฟื้นตัวของราคา โดยมองว่ามีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 2,700 ดอลลาร์
นางสาวเกรซี่ เฉิน (Gracy Chen) กรรมการผู้จัดการของ บิตเก็ต (Bitget) แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีและบริษัท Web3 ชั้นนำของโลก กล่าวว่านอกจากนักลงทุนสถาบันที่มีส่วนผลักดันราคา Bitcoin ยังต้องจับตากลุ่มของรัฐบาลต่างๆที่ให้ความสนใจลงทุนใน Bitcoin ตามนโยบาย Strategic Reserve ของสหรัฐฯซึ่งจะมีส่วนผลักดันมูลค่าของ Bitcoin ได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น ประเทศสาธารณรัฐเช็กได้ตัดสินใจยกเว้นภาษีกำไรจากการถือครอง Bitcoin ระยะยาวรวมถึงเตรียมจัดสรรเงิน 5% ของทุนสำรองระหว่างประเทศมูลค่า 140,000 ล้านยูโรเข้าลงทุนใน Bitcoin ซึ่งหากมีการซื้อ Bitcoin ตามมูลค่านี้จริงอาจกลายเป็นประเทศที่ถือ Bitcoin มากเป็นอันดับ 3 ของโลก แซงหน้าสหราชอาณาจักร เยอรมนี และยูเครน
ต้องจับตาท่าที่ของรัฐบาลบางประเทศว่าจะจัดสรรเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาซื้อ Bitcoin หรือไม่โดยเฉพาะประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อย่างบางประเทศในยุโรปซึ่งจะเป็นต้นแบบให้ประเทศอื่นๆที่ลังเลมีการตัดสินใจลงทุนใน Bitcoin ในที่สุดซึ่งจะผลักดันมูลค่าและการใช้งานในวงกว้าง" นางสาวเกรซี่ เฉิน กล่าว