ธ.ก.ส. ปลูกความรู้การเกษตร ด้วยโมเดล Smart Farm ให้นักเรียนทั่วประเทศ ลดค่าใช้จ่าย สร้างรายได้เพิ่มให้เยาวชน ยกระดับ เกษตรเพื่อการบริโภค เป็น “เกษตรการค้า”
ธ.ก.ส. เดินหน้าสนับสนุนเยาวชนของชาติ มุ่งสร้างฐานการผลิตอาหารปลอดภัยอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการปลูกความรู้ด้านการเกษตรให้กับนักเรียนทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 พร้อมเสริมความรู้การทำเกษตรผ่านโมเดล Smart Farm ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เช่น การปลูกผักสวนครัวและปลูกเมล่อนโดยไม่พึ่งสารเคมี การเลี้ยงปลาและการเพาะเห็ด โดยนำวัตถุดิบที่ได้มาแปรรูปเป็นอาหารกลางวันให้กับนักเรียน และนำไปจำหน่าย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง สร้างรายได้เสริมให้กับนักเรียนและครอบครัว ยกระดับเกษตรเพื่อการบริโภค เป็น เกษตรการค้า โดยในปีบัญชี 2567 ธ.ก.ส. ปลูกความรู้ให้กับนักเรียนทั่วประเทศไปแล้วกว่า 13,500 ราย พร้อมขยายผลไปยังครอบครัวนักเรียนและชุมชน เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับเยาวชน ครอบครัว และชุมชน ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมด้วยนายพรชัย งามสินจำรัส ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคกลาง ธ.ก.ส. นำคณะพนักงาน ธ.ก.ส. ร่วมกิจกรรมปลูกความรู้ด้านการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียน ประจำปีบัญชี 2567 เพื่อส่งเสริมความรู้และพัฒนาทักษะด้านการเกษตรผ่านโมเดล Smart Farm ทั้งภาคทฤษฎีและการลงมือปฏิบัติจริง ณ โรงเรียนเทพศิรินทร์คลองสิบสาม อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีเด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษา รวมกว่า 400 คน ให้สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้และทำการเกษตรเบื้องต้น โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตที่มีคุณภาพไปใช้ในการประกอบอาหารกลางวัน และยังสามารถนำไปจำหน่าย เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับนักเรียนและครอบครัว เช่น การปลูกผักผลไม้ไร้สารพิษ การเลี้ยงปลา และการเพาะเห็ดนางฟ้า นอกจากนี้ได้ร่วมเยี่ยมชมโรงเรียนธนาคารและแปลงเกษตรต้นแบบในโรงเรียน ได้แก่ โรงเรือนเมล่อน โรงเรือนผักสลัด โรงเรือนเห็ดนางฟ้า และบ่อเลี้ยงปลาระบบปิดที่มีการใช้ระบบเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาควบคุมการผลิต ลดปริมาณน้ำล้น บำบัดน้ำเสียช่วยลดปัญหาการใช้น้ำแบบสิ้นเปลือง และกิจกรรม Classroom แลกเปลี่ยนความรู้ในหัวข้อ การยกระดับสินค้าเกษตรให้กับนักเรียน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ก่อเกิดไอเดียในการคิดสร้างสรรค์และแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าในอนาคต พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมประกอบอาหารกับนักเรียนด้วยการใช้วัตถุดิบสดใหม่ที่เก็บเกี่ยวมาจากโรงเรือน พร้อมจัดเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับนักเรียนอีกด้วย ในโอกาสนี้ ธ.ก.ส. ได้มอบทุนการศึกษา อุปกรณ์กีฬา กระเป๋าเป้ และผลิตภัณฑ์ข้าวพร้อมทานตาม อุ่นอิ่ม ทั้งประเภทข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้องหอมมะลิและข้าวไรซ์เบอร์รี่ ให้แก่โรงเรียนเทพศิรินทร์คลองสิบสาม เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ วางรากฐานและพัฒนาทักษะที่สำคัญให้กับเยาวชน อันนำไปสู่โอกาสทางการศึกษาและสร้างรากฐานอาชีพที่มั่นคงในอนาคตต่อไป
ทั้งนี้ ธ.ก.ส. มุ่งดำเนินงานเพื่อสู่การเป็นแกนกลางการเกษตร (Essence of Agriculture) ที่พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและชุมชนในทุกมิติ ทั้งภารกิจด้านการสนับสนุนเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ การสนับสนุน องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงภารกิจด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยตระหนักถึงความสำคัญของนักเรียน ซึ่งเป็นเยาวชนของชาติ ที่จะเติบโตไปเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาภาคการเกษตรและภาคการศึกษาในอนาคต ผ่านโครงการปลูกความรู้ด้านการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียนทั่วประเทศมาต่อเนื่องกว่า 15 ปี ซึ่งมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการในแต่ละปีกว่า 300 โรงเรียน รวมจำนวนกว่า 5,000 โรงเรียนรวมจำนวนนักเรียนที่ผ่านการร่วมกิจกรรมในโครงการกว่า 8 แสนคน โดยมุ่งสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการทำการเกษตรแบบไร้สารเคมี เพื่อผลิตอาหารปลอดภัย และสามารถนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ในกระบวนการผลิต โดยตลอดปีบัญชี 2567 (เมษายน 2567 มีนาคม 2568) สามารถปลูกความรู้ให้กับเด็กนักเรียนทั้ง 76 จังหวัด ทั่วประเทศได้กว่า 13,500 ราย เพื่อให้เด็กนักเรียนได้บริโภคอาหารกลางวันที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ปลอดภัย และปราศจากสารเคมีตกค้าง รวมถึงแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์แบบ Smart Farm ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
โดย ธ.ก.ส. มุ่งหวังให้นักเรียนสามารถนำองค์ความรู้ทั้งด้านเกษตร เทคโนโลยีและนวัตกรรมไปใช้ผลิตอาหารด้วยตนเองได้อย่างยั่งยืน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง ด้วยการนำความรู้ไปประยุกต์ พัฒนา ปรับใช้และต่อยอดสู่การประกอบอาชีพเสริม เพื่อยกระดับ เกษตรเพื่อการบริโภคเป็น เกษตรการค้าในระหว่างกำลังศึกษา รวมถึงนำเงินทุนที่สะสมและองค์ความรู้มาต่อยอดสู่การเป็นผู้ประกอบการเกษตรหลังจบการศึกษาได้ต่อไป ซึ่งสามารถขยายผลไปยังครอบครัวของเยาวชนและเครือข่ายชุมชน เพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน อันเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน และยังสอดรับกับสินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ของ ธ.ก.ส. ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับบุคลากรที่มีรายได้ประจำในหน่วยงานที่ธนาคารกำหนดและยังไม่เกษียณอายุ สามารถขอสินเชื่อเพื่อนำไปซื้อที่ดินทางการเกษตร และทำการเกษตรคู่ขนานระหว่างทำงานประจำ เตรียมความพร้อมในการทำการเกษตรหลังจากเกษียณอายุต่อไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ www.baac.or.th หรือ Call Center 02 555 0555